กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

สวัสดีจ้า มีเพื่อนๆ บ่นกันว่างานที่ทำอยู่จะเหนื่อยเพียงไหน แต่ก็ต้องอดทนสู้ เพราะข่าวเศรษฐกิจน่ากลัวจริงๆ แทบจะต้องเกาะงานไว้แน่นๆ ไม่อย่างงั้นเงินขาดมือแน่ สำหรับใครที่อยากลงทุนในตลาด Forex วันนี้เรามาดูและวันนี้เรามาดู ใครเป็นผู้คุมตลาด Forex ซึ่งเป็นคำถามที่ดีที่มือใหม่หลายคนมักละเลย ซึ่งปกติมี 4 กลุ่มหรือเครือข่ายหลักที่คอยควบคุมตลาด รวมทั้งวิธีการกำหนดราคาแล้วก็แนวโน้ม ซึ่งเป็นเครือข่ายจากทั่วโลก แน่นอนว่ามันรวมถึงธนาคารหลักๆของเมืองที่ใหญ่ที่สุดของตลาด Forex ได้แก่: นิวยอร์ก ซิดนีย์ โตเกียว และก็ลอนดอน

ธนาคารส่วนมากมีเจ้าของเป็นบริษัทและก็สถาบันการค้าต่างๆแต่ว่าก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ดำเนินการในตลาดการค้าสกุลเงินโลกเพียงแค่นั้น แต่ยังมีกลุ่มอื่นๆที่มีบทบาทสำคัญเช่นกัน


เสาหลักที่คอยคุมตลาด FX

อย่างที่เข้าใจกันดี คู่สกุลเงิน Forex เป็นหนึ่งในตราสารที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนมากที่สุด แต่ว่าไม่ได้มีใครเพียงแค่กลุ่มใดกลุ่มเดียวที่คอยควบคุมตลาด แต่ว่าแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มสำคัญๆดังนี้


- ธนาคารกลางและสถาบันของรัฐ
- ผู้จัดการการลงทุนและก็กองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่
- บริษัทข้ามชาติและองค์กรระดับโลก
- นักลงทุนรายย่อย หรือผู้ประกอบการ


ธนาคารกลางและรัฐบาลมีหลักการเดียวกันนั่นเป็นการแทรกแซงตลาดเพื่อควบคุมราคาสกุลเงินหรือเปลี่ยนแปลงมูลค่าเมื่อจำเป็น ภารกิจหลักของพวกเขาคือการจัดการการค้าระหว่างประเทศด้วยการถือครองหุ้นแลกเปลี่ยนภายในและก็ดูแลหน้าที่ทางเศรษฐกิจพื้นฐาน ธนาคารกลางใช้อัตราดอกเบี้ยและก็จัดการกับการขึ้นลงของราคาสกุลเงิน ซึ่งส่งผลกระทบสำคัญต่อตลาด Forex

กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการการลงทุนมักจะซื้อและขายสกุลเงินจำนวนมากผ่านทางกองทุนบำเหน็จบำนาญ เงินช่วยเหลือ และมูลนิธิประเภทอื่นๆช่วยให้พวกเขาทำการเก็งกำไรได้

บริษัทข้ามชาติมีส่วนเกี่ยวข้องสำหรับการทำธุรกรรมการนำเข้าและส่งออกด้วยสกุลเงิน รวมถึงสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้พวกเขาสามารถชำระค่าบริการและสินค้าต่างๆได้ และเมื่อเกิดวิกฤตต่างๆองค์กรเหล่านั้นจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของสินทรัพย์และประเภทการลงทุนอื่นๆ

นักลงทุนรายย่อยเป็นเพียงกลุ่มคนจำนวนน้อยในตลาด โดยมีการซื้อและขายคู่สกุลเงินโดยใช้กลยุทธ์ Forex หลายๆแบบโดยอาศัยตัวบ่งชี้ทางเทคนิค รูปแบบราคา แนวรับและแนวต้าน ฯลฯ

หน้าที่ของตลาด Forex Market ที่มีผลในระดับโลก
อย่างที่ได้บอกไปแล้ว ตลาด FX นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เป็นเวลากว่าหลายทศวรรษที่ตลาด Forex เปลี่ยนรูปแบบต่างๆทางธุรกิจ เห็นได้จากผลลัพธ์ของความร่วมแรงร่วมมือระหว่างบริษัทต่างชาติ บุคคล และสถาบันต่างๆทั่วโลก

สวัสดีจ้า หลายคนคงจะติดตามข่าวสารบ้านเมืองกัน ในช่วงนี้แม้ว่าสถานการณ์ เงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง แต่ตลาด Forex ถือได้ว่าตลาดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการที่เทรดเดอร์มือใหม่จำนวนไม่ใช่น้อยที่พึ่งเข้ามาในตลาดไม่เคยทราบเกี่ยวกับ Forex Rebate ถือได้ว่าเรื่องปกติ แต่ว่าสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ในตลาด Forex คำว่า Forex Rebate บางทีอาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพวกเขา 


ทำความรู้จักกับ Forex Rebate หรือ Cashback Forex

Forex Rebate คือ การคืนค่าธรรมเนียมสำหรับการเทรดให้กับเทรดเดอร์หรือนักลงทุนที่เข้ามาทำการเปิดบัญชีการเทรดกับโบรกเกอร์ ซึ่งการคืนเงินมีด้วยกัน 2 วิธี คือ การคืนจากโบรกเกอร์ให้กับลูกค้าโดยตรง และการคืนผ่าน IB (Introducing Broker) ไปให้กับลูกค้า



IB (Introducing Broker) คือ ผู้ที่ดำเนินเป็นตัวกลางระหว่างลูกค้าแล้วก็โบรกเกอร์ โดย IB ทำหน้าที่สำหรับในการให้คำแนะนำหรือดำเนินการซื้อขายโดยตรงในนามของลูกค้า นอกจากนี้ยังช่วยแนะนำแนวทางการเทรด รวมถึงการดำเนินการเทรดแทนลูกค้า



Forex Rebate ทำงานอย่างไร?
การทำงานของ Forex Rebate คือ ถ้าหากลูกค้าหรือเทรดเดอร์มีการเปิดบัญชีการเทรด แล้วทำการเทรด ไม่ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน ทุกๆออเดอร์ที่เทรดเดอร์ทำการเทรดจะถูกนำมาคำนวณเป็นค่า Forex Rebate เพื่อทำการคืนให้กับเทรดเดอร์



สิ่งที่เทรดเดอร์จะได้รับเมื่อเปิดบัญชีแบบ Forex Rebate
Forex Rebate ช่วยทำให้เทรดเดอร์ได้กำไรมากขึ้น หรือถ้าเทรดเดอร์ขาดทุนก็ยังมีค่า Rebate เข้ามาช่วยทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนน้อยลง หรืออีกกรณีเป็นการนำมาเป็นต้นทุนสำหรับในการเทรดครั้งต่อไป ส่วนการได้รับเงินคืนในส่วนของ Forex Rebate คือ สามารถถอนได้โดยไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติม



จากที่กล่าวมาข้างต้น Forex Rebate เป็นเงินคืนที่เทรดเดอร์ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่ได้กำไร หรือกรณีที่ขาดทุน ถือว่าเป็นเงินสะสมเป็นต้นทุนในการเทรดครั้งต่อไป ซึ่งทำการถอนผ่านโบรกเกอร์ได้โดยไม่มีเงื่อนไข เพราะฉะนั้นการเปิดบัญชีแบบได้รับค่า Rebate ก็เลยจัดว่ามีข้อดีมากกว่าการเปิดบัญชีแบบไม่ได้รับค่า Rebate อย่างไรก็ตาม การลงทุนถือว่ามีความเสี่ยง เทรดเดอร์ควรเตรียมรับมือกับความเสี่ยงอยู่เสมอ

สวัสดีจ้า ในปัจจุบันหลายคนบอกว่าการมีงานทำดีกว่าไม่มีงานทำ ทำให้ต้องอดทนทำงานโดยที่ใจไม่รัก แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีอิสระทางการเงินก็จะหลุดพ้น แต่การที่จะมีเงินไม่ใช่การประหยัด แต่เกิดจากการลงทุนต่างหาก และวันนี้เรามาดู กลยุทธ์การเทรด Forex (ฟอเร็กซ์)
ในฐานะที่เป็นนักเทรด คุณมีกลยุทธ์หลายชนิดอยู่ที่คุณ นักเทรดบางคนอาจจะใช้วิธีการเทรดอันเดียวสำหรับในการชิงความได้เปรียบของการเคลื่อนไหวของราคา ในเวลาที่คนอื่นๆอาจจะใช้กลยุทธ์หลากหลายเพื่อตัดสินใจตำแหน่งการเทรด

เนื่องจากว่าไม่มีการรับประกันว่ากลยุทธ์ใดจะมีประสิทธิภาพได้ตลอดเวลา ทำความเคยชินกับกลยุทธ์บางอย่างจะมีประโยชน์อย่างมาก เมื่อคุณมีกลยุทธ์ดุจปืนใหญ่ที่ปลายนิ้วของคุณ คุณจะพบว่าคุณสามารถปรับรับเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในสถานการณ์ต่างๆได้ง่ายขึ้น



การวิเคราะห์ Forex พื้นฐาน
ตรงนี้คุณจะมองหาตัวชี้วัดพื้นฐานของตลาดและก็พยายามตัดสินว่าจะไปทางทิศทางใดในเหตุการณ์หนึ่งใดโดยเฉพาะที่ดึงราคาสกุลเงินนั้นๆนี่เป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์คู่สกุลเงินที่เข้าและออกของตลาด คุณอาจจะยังคงวางใจในข้อมูลที่ปล่อยออกมารวมทั้งข่าวต่างๆที่สามารถสัมผัสถึงแนวโน้มของคู่สกุลเงินนั้นได้



การวิเคราะห์ Forex เชิงเทคนิค
นี่เป็นกลยุทธ์ยอดนิยมอีกอันหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์พฤิตกรรมของคู่สกุลเงินในอดีตและที่ผ่านมาเร็วๆนี้ เพื่อจะรู้ถึงแนวโน้มในอนาคต กลยุทธ์นี้ตรึงนักเทรดส่วนใหญ่สำหรับเพื่อการเลือกตำแหน่งในตลาดสืบเนื่องจากอุปสงค์รวมทั้งอุปทานของคู่สกุลเงิน มันให้พื้นฐานที่มีความเป็นจริง และเป็นวิทยาศาสตร์สำหรับในการพิจารณาว่าจะเข้าหรือออกจากตำแหน่งตอนไหน



การเทรด Forex (ฟอเร็กซ์) แบบรายวัน
คุณจะเข้าหรือออกในตำแหน่งในการเทรดโดยเฉพาะภายในระยะเวลาสั้นๆเมื่อลงสู่เงินทุนในตลาดในการเทรดแบบวันเดียว คุณจะตระหนักถึงผลประโยชน์หลากหลายประการ รวมถึงความเสี่ยงยอดเงินทุนที่จำกัด การลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งการสร้างเงินหมุนเวียนที่มาเป็นประจำ



การเทรด Forex (ฟอเร็กซ์) ระยะสั้น
นี่เป็นกลยุทธ์การเทรดในระหว่างวันที่ให้คุณได้เงินจำนวนเล็กน้อยแต่อย่างต่อเนื่องทุกวันซึ่งคุณสามารถได้กำไรอย่างเห็นได้ชัดๆการซื้อขายระยะสั้นๆนี้ขึ้นกับความมีวินัย การลงค่าใช้จ่ายต่ำ การออกอย่างแม่นยำถูกต้องและก็ทำไปอย่างมั่นคง คุณจะต้องมองหาคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องและก็ผันผวนสูง ขอบคุณสำหรับเครื่องมือที่ทันสมัย คุณจะสามารถใช้กลยุทธ์ของคุณอย่างอัตโนมัติได้เต็มที่ ที่คุณทำการเทรดในระยะไกลได้



การเทรดตามเทรนด์หรือแนวโน้ม
ด้วยกลยุทธ์นี้ คุณสังเกตแนวโน้มในอดีตกาลรวมทั้งสร้างวิธีการขึ้นมาโดยหวังว่าแบบจะเกิดขึ้นซ้ำอีกในปัจจุบันหรืออนาคต คุณจะลองระบุถึงตัวชี้วัดแนวโน้มที่ขึ้นหรือลงเพื่อตัดสินถึงราคาของสกุลเงินจะขยับไปสักเท่าไร



การเทรดแบบ Momentum
ตรงนี้คุณได้สังเกตการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินในทิศทางที่เฉพาะเจาะจงและก็วางตำแหน่งการค้าของคุณเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของแต่ละบุคคล การเคลื่อนไหวของสกุลเงินที่ตกลงจะระบุถึงแนวโน้มที่จะตีกลับขึ้นมาได้ คุณจะต้องศึกษาตัวช่วยทางรูปภาพเช่น กราฟแท่งเทียนและก็ออสซิเลเตอร์ สำหรับในการตรวจสอบดูทั้งการเคลื่อนไหวและก็ปริมาณของราคาสกุลเงินทั้งสองอย่าง



กลยุทธ์การฝ่าวงล้อม
คุณจะสังเกตุการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อระบุถึงจุดที่ฝ่าออกไปภายในย่านใดย่านหนึ่งโดยเฉพาะและหาจุดเข้าที่เหมาะสม หากราคาสกุลเงินขึ้นไปสูงจากแนวต้านก่อนหน้า คุณจะวางตำแหน่งการเทรดโดยคาดหวังให้ราคายังคงอยู่ในจังหวะโมเมนตั้มที่ขึ้นไปและก็อาจจะในทางที่ตรงข้ามกัน



ย่านการเทรด
ด้วยกลยุทธ์นี้ คุณจะเข้าและก็ออกในตำแหน่งตามแนวต้านและรวมทั้งแนวรับที่คาดการณ์ได้แล้วก็หวังว่าราคาจะยังคงที่ภายในย่านที่ทำนายไว้



การเทรดที่แกว่งหรือสวิง
นี่เป็นกลยุทธ์การเทรดฟอเร็กซ์ในแบบกลาง คุณยึดตำแหน่งในระยะสั้นปานกลาง ยกตัวอย่างเช่นหนึ่งวัน หรือหนึ่งสัปดาห์ นี่เป็นกลยุทธ์สุดยอดเยี่ยมที่คุณมองหาฟูกรองรับการเทรดของคุณจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ผิดพลาดไป คุณยังจะสามารถตั้งระดับสต๊อบลอสต์ได้มากกว่า



กลยุทธ์ย้อนกลับ
คุณจะเข้าในตำแหน่งการเทรดในขณะที่คาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในแบบที่กลับกัน เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงและซับซ้อนรวมทั้งต้องการการสังเกตอย่างละเอียดถึงตัวบ่งชี้โมเมนตั้มและก็ปริมาณของตลาด คุณยังจะต้องใช้สัญญาณที่มองเห็นรวมทั้งเครื่องมือเทรนด์การตลาดที่หลากหลายเพื่อคาดการณ์การย้อนกลับ สัญญาณดังกล่าวคือ หัวและไหล่ และ ดับเบิ้ลท๊อปแล้วก็ดับเบิ้ลบอตท่อม จะช่วยทำให้คุณคาดการณ์ถึงเทรนด์ที่ย้อนกลับได้



จุดไพว๊อท
คุณควรต้องระบุถึงแนวต้านรวมทั้งแนวรับโดยการดูค่าเฉลี่ยของระยะการเทรดก่อนหน้านี้ สิ่งนี้จะช่วยคุณให้คาดการณ์ถึงความสูงและก็ต่ำของช่วงระยะการเทรดในขณะนี้โดยการวัดว่าการเทรดนั้นจะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน คุณยังควรที่จะสามารถตัดสินใจว่าการเบรคเอาท์จะเกิดขึ้นหรือระยะค่าราคาได้โพ้นเลยไปรวมทั้งคาดการณ์ว่าตลาดสกุลเงินจะเคลื่อนไปอย่างไร

สวัสดีจ้า ถ้าหากใครที่เริ่มหมดไฟไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยเรียนหรือวัยทำงาน ลองออกไปเปิดหูเปิดตาท่องเที่ยวฮีลหัวใจและพักผ่อนร่างกายจะช่วยให้เพื่อนๆ มีแรงกลับมาใช้ชีวิตได้มีความสุขมากขึ้นค่ะ สำหรับเพื่อนที่สนใจเทรด Forex วันนี้เรามาดู   ผลกระทบของเงินเฟ้อต่อการซื้อขายฟอเร็กซ์ ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและนำเสนอในรูปแบบที่หลากหลาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวชี้วัดที่สำคัญดังกล่าวจะมีบทบาทเกินขนาดในตลาดฟอเร็กซ์  ดังนี้


1.ค่าสกุลเงิน

อัตราเงินเฟ้อส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของสกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์ อัตราเงินเฟ้อที่สูงมักจะทำให้มูลค่าของสกุลเงินลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ในขณะที่อัตราที่ต่ำจะเพิ่มมูลค่า เนื่องจากที่สูงจะทำให้กำลังซื้อลดลง ทำให้การถือสกุลเงินนั้นมีความน่าสนใจน้อยลง


2.นโยบายของธนาคารกลาง

สำหรับธนาคารกลางนั้น ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการจัดการอัตราเงินเฟ้อของประเทศผ่านนโยบายการเงิน หากธนาคารกลางคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกินระดับเป้าหมาย ก็อาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทำให้เศรษฐกิจเย็นลง แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากต่ำกว่าเป้าหมาย ธนาคารกลางอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้มีอิทธิพลโดยตรงต่อตลาดฟอเร็กซ์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้ผู้ให้กู้ในระบบเศรษฐกิจได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ


3.อัตราดอกเบี้ยและฟอเร็กซ์

ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญของการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงินจากประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่ามักจะดึงดูดเงินทุนต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การแข็งค่าขึ้น เทรดเดอร์ใช้ความรู้นี้เพื่อคาดการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงิน และสร้างกลยุทธ์การซื้อขายตามการเปลี่ยนแปลงที่คาดหวังของอัตราเงินเฟ้อและการปรับอัตราดอกเบี้ยในภายหลัง


4.ความคาดหวังในอนาคต

ตลาดฟอเร็กซ์ไม่เพียงตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน แต่ยังรวมถึงความคาดหวังของอัตราในอนาคตด้วย เทรดเดอร์และนักลงทุนติดตามตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและการสื่อสารของธนาคารกลางเพื่อวัดแนวโน้มในอนาคต หากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่คาดหวัง สกุลเงินอาจแข็งค่าขึ้นก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกิดขึ้นจริง


5.การจัดการความเสี่ยง

การทำความเข้าใจผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อต่อการซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยง เทรดเดอร์สามารถป้องกันตนเองได้โดย:
•   รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและนโยบายของธนาคารกลาง
•   การใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อจำกัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
•   กระจายการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง
•   ติดตามเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและตลาดฟอเร็กซ์


โดยรวมแล้ว อัตราเงินเฟ้อเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงของตลาดฟอเร็กซ์ และมีอิทธิพลต่อค่าสกุลเงินและนโยบายของธนาคารกลาง ด้วยการทำความเข้าใจว่าตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินอย่างไร นักเทรดจึงสามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลมากขึ้น จัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในตลาดฟอเร็กซ์ได้
 

สวัสดีจ้า ช่วงนี้รู้สึกถึงฤดูฝนจริงๆ เพราะฝนชุ่มฉ่ำอากาศเย็นสบายกันหลายพื้นที่ ทำเอาหลายคนพักผ่อนสบายในช่วงวันหยุดกันเลยทีเดียวและวันนี้เรามาดู 10 อันดับคู่เงิน forex ที่วิ่งแรงและน่าเทรด การซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ นอกจากจะต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ดีที่ใช้ในการซื้อขายแล้วคุณยังจำเป็นที่จะต้องรู้จักคู่สกุลเงินที่คุณกำลังจะซื้อขายด้วย ในบทความนี้ผมจะแสดงข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ประกอบการตัดสินใจของคุณเกี่ยวกับ 10 อันดับคู่เงิน forex ที่วิ่งแรงและน่าเทรดที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ


1. EUR/USD

สกุลเงินคู่แรกนับเป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล จุดแข็งของสกุลเงินที่ยังคงความนิยมบทตลาดอยู่ได้ อันดับแรกมาจากความมั่นคงของเจ้าประเทศสกุลเงินทั้งคู่ทั้ง EUR ที่ใช้กับสหภาพยุโรปและ US ที่ใช้กับประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้โปรไฟล์ของคู่สกุลเงินนี้น่าสนใจและมี volume ที่สูง  และจากประวัติการซื้อขายพบว่า EUR/USD เป็นคู่สกุลเงินหลักที่นักลงทุนสามารถทำกำไรต่อปีมากที่สุดโดยเฉลี่ย


2. USD/JPY

คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน USD สกุลเงินที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินทั่วโลก เมื่อมาจับคู่กับเงินเยนที่มีการซื้อขายมากที่สุดในเอเชียทำให้สกุลเงินคู่นี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยคุณสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราการแลกเปลี่ยน/อัตราของราคาสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด ได้จากข่าวรายวัน เฉพาะอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมการผลิตที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นซึ่งนับเป็นฟันเฟืองสำคัญหลักในการเคลื่อนไหวราคาของสกุลเงิน


3. GBP/USD
   
นักลงทุนที่เลือกซื้อขายสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษและดอลลาร์สหรัฐ มักทราบดีอยู่แล้วว่าพวกเขามีโอกาสรับผลกำไรในอัตราส่วนที่มากพอๆ ความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการสูญเงินที่มากเช่นกัน จากความผันผวนของราคาที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง “ผันผวน” ในสถานการณ์นี้หมายถึงราคาพุ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งแบบสุดโต่ง และมีการกลับตัวอย่างรวดเร็วแบบสุดโต่งเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากคุณเป็นนักเทรดรายวันที่เก็งกำไรระยะสั้น หาจังหวะเข้าและออกให้ถูกเวลาจะมีโอกาสรับผลกำไรได้


4. USD/CHF

คู่สกุลเงิน USD และ CHF ในวงการฟอเร็กซ์ในนาม “ที่ประกันความเสี่ยง” เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าสภาพทางการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ค่อนข้างมีเสถียรภาพสูง ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ สกุลเงิน USD/CHF จะเป็นทางเลือกที่นักลงทุนหันมาซื้อเพื่อประกันความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุนของตัวเอง และเมื่อมีการลงทุนในสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดนี้เพิ่มขึ้น ก็คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ราคาของคู่นี้จะลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนเมื่อสภาวะเศรษฐกิจกลับมาดีดังเดิม นักลงทุนก็จะหันไปลงทันในสกุลเงินคู่อื่นนั่นเอง


5. AUD/USD

การลงทุน AUD เทียบกับ USD มักจะโดดเด่นในเรื่องปริมาณการซื้อขายต่อวัน เป็นประเด็นที่ผู้ลงทุนต้องศึกษาภาพรวมของเศรษฐกิจโดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลียที่สินค้าโภคภัณฑ์มีอิทธิพลต่อราคาเงินเป็นอย่างมาก และข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างที่เกี่ยวกับหนี้สินต่างประเทศของออสเตรเลียที่อาจส่งผลต่อมูลค่า AUD ได้อย่างมีนัยสำคัญ


6. USD/CAD

การจับตามองสินค้าส่งออกอย่างเช่น “น้ำมัน” ที่ประเทศแคนาดามักขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์จึงส่งผลดีหากตลาดโลกนิยมซื้อสินค้าจากแคนาดา และส่งผลถึงแนวโน้มที่มูลค่า CAD จะเพิ่มสูงขึ้นในเวลาต่อมา


7. EUR/GBP

คู่สกุลเงิน “ยูโรและปอนด์” มักถูกมองว่าเป็นคู่เงินที่แข็งแกร่งและทรงอิทธิพลมากเนื่องจากเมื่อจับคู่กันแล้วด้วยความสัมพันธ์และภูมิภาคที่ใกล้ชิดแน่นแฟ้นกันทั้งในด้านการค้า เศรษฐกิจ และความมั่นคงอันส่งผลมูลค่าของ EUR และ GBP ในตลาดฟอเร็กซ์


8. USD/CNY

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินหยวนของจีน หากใครที่สามารถจับทางได้ตั้งแต่แรก โดยทำการซื้อ USD/CNY เอาไว้ตั้งแต่แรกๆ ก่อน Trade War ที่หมายถึงคุณซื้อ USD และขาย CNY คงจะได้กำไรตามเป้ากันบ้างแล้ว แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังตัดสินใจที่จะเล่นในสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดคู่นี้ แนะนำให้ติดตามสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาข้อมูลเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแบบเรียลไทม


9. NZD/USD (New Zealand Dollar/US Dollar)

เงินฟรังก์สวิสเป็นสกุลเงินที่มีสถิติที่ดีต่อการเกิดเงินเฟ้อที่น้อยมากๆ ซึ่งจากการวิเคราะห์ระยะสั้นพบว่าเกิดโมเมนตัมขาลงในราคาปิดที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่อาจลงไปมากกว่านี้  ทำให้คู่เงินนี้เป็นที่นิยมในตลาดฟอเร็กซ์เลยทีเดียว


10. USD/HKD (US dollar/Hong Kong dollar)

สำหรับสกุลเงิน USD/HKD มีความพิเศษตรงที่ “ดอลลาร์ฮ่องกง” จะถูกตรึงค่าไว้กับ “ดอลลาร์สหรัฐ” ดังนั้นความผันผวนในบางส่วนอาจถูกควบคุมไว้ได้ในช่วงที่กำหนด ซึ่งจากสถานการณ์การประท้วงในฮ่องกงส่งผลกระทบทั้งในแง่บวกและลบ นักลงทุนบางส่วนถอนการเงินและการลงทุนออกจากประเทศ แต่บางส่วนเล็งเห็นโอกาสการทำเงิน จึงระดมเงินทุนมาลงทุนในช่วงสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นนักลงทุนสามารถมองได้ทั้งจุดเด่นและด้อยของสนามการซื้อขายเช่นนี้