• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีจ้า ช่วงนี้เป็นวันที่ฟ้าและอากาศสดชื่นมาก หวังว่าทุกคนจะมีความสุขและประสบความสำเร็จในการทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ ในวันนี้ และสำหรับสายเทรดเรามาดูการหาจุดเข้า Forex จุดออก Forex ดีๆ ทำกำไรได้สูงสุด วิธีการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค(Technical analysis) กันว่าใช้เครื่องมืออะไรบ้าง สำหรับเพื่อการหาจุดเข้า Forex จุดออก Forex ดีๆทำกำไรได้สูงสุด


1. ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance Levels)
ทั้งคู่อย่างทำงานร่วมกันเพื่อบอกจุดที่ราคาจะขึ้นและลงสูงสุดต่ำสุดในแนวโน้มราคาในช่วงนั้นๆ

แนวรับ เป็นบริเวณที่รับราคาเอาไว้ไม่ให้ตก ซึ่งเป็นจุดที่บอกว่าราคาจะไม่เคลื่อนตัวลงต่ำไปมากกว่านี้ เพราะโดยมากราคาจะหยุดในจุดที่มีความต้องการซื้อ(demand) สูง ก่อนที่ราคาจะปรับสูงขึ้น ถ้าหากนึกไม่ออกนึกถึง “แทรมโพลีน” ที่ทำให้ราคาเด้งกลับไปสูงขึ้นได้อีกครั้ง แต่ว่าก็ใช่ว่าบริเวรแนวรับนั้นๆจะสามารถรับราคาเอาไว้ได้ตลอดหากในตอนนั้นมีแรงขายมากกว่าแรงซื้อ

แนวต้าน เป็นบริเวณที่ต้านราคาเอาไว้ไม่ให้ขึ้น ซึ่งเป็นจุดที่พูดว่าราคาจะไม่เคลื่อนตัวสูงไปกว่านี้ ราคาจะหยุดที่จุดที่มีความต้องการขาย(supply) สูง ก่อนที่ราคาจะกลับหัวลดต่ำลง เหมือนกับ “เพดาน” ที่บอกว่า คุณไปสูงได้เพียงแค่นี้นะ แต่ถ้าหากว่าในตอนนั้นมีแรงซื้อมากกว่าแรงขายก็อาจจะทำให้ราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านนั้นไปได้เช่นกัน

ดังนั้น แนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือสำคัญมากๆสำหรับในการเทรดรายวันหรือเทรดตามกระแสขึ้น-ลง ยิ่งถ้าหากคุณเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น(Short-term Trader) ยิ่งจะต้องรู้เรื่องเทคนิคนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่ามันสามารถทำกำไรได้มหาศาล แต่ว่าอย่างไรก็ตามเทรดเดอร์ควรจะสังเกตการเคลื่อนที่ของราคาให้ดีว่าราคา ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไร เนื่องจากแนวรับและแนวต้านนั้นอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะหยุดราคาเอาไว้ได้


2. กราฟราคา (Price Chart)
เป็นกราฟแกน Y (แนวนอน) ที่บอกประวัติราคาของทรัพย์สินนั้นๆกราฟราคาใช้เพื่อสังเกตุการณ์แนวโน้มของราคาเพื่อบอกแนวรับแนวต้านของแนวโน้มในตอนนั้น หน้าตาของกำราฟนี้ใช้สีเขียวเพื่อบอกราคาขาขึ้น แล้วก็สีแดงเพื่อบอกราคาขาลง ด้วยสีที่ชัดเจนก็สามารถวาดเส้นแนวโน้ว(Trendline) ได้ชัดเจนมากขึ้น

บางทีอาจจะไม่แม่นยำ 100% เพราะว่าไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังเช่นว่า ข่าวที่มีผลต่อราคาหุ้นของ Coca-Cola หรือที่เรารู้จักคือ โค้ก ดิ่งต่ำลงทันทีเมื่อ นักฟุตบอลชาวโปตุเกส Cristiano Ronaldo ขึ้นประกาศในงานฟุตบอล Euro 2020 เขาหยิบขวดโค้กสองขวดที่วางอยู่ออก รวมทั้งโชว์ขวดน้ำเปล่าพร้อมพูดว่า “agua” (น้ำ) และก็ยิ้มให้นักข่าว ข่าวที่ออกไปเช่นนี้ให้ หุ้นของ Coca-Cola ถูกเทขายทันที และสูญเสียมูลค่าไปถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ


3. อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค (Technical Indicator)
คือตัวบอกสัญญาณที่มีพื้นฐานจากคำนวณทางคณิตศาสตร์ด้วยราคา,ปริมาณ หรือดอกเบี้ย ฯลฯ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต อินดิเคเตอร์สามารถคาดเดาราคาในอนาคตได้ ทำให้จุดเข้า-จุดออกแม่นยำมากขึ้น อินดิเคเตอร์ทางเทคนิดนั้นมีอยู่หลากหลาย

แต่สามารถแบ่งการใช้งานเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ แบบซ้อนทับ(overlays) และ Oscillators และออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของราคาในระยะสั้นเป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะเป็นเทรเดอร์ระยะสั้นหรือยาวต่างก็ใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคเพื่อบอกจุดเข้าและจุดออกอยู่เสมอ

ทั้งนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่มีอินดิเคเตอร์ตัวไหนบอกได้ 100% แต่ถ้าหากสังเกตุให้ดี ยิ่งอินดิเคเตอร์หลายๆตัวบอกสัญญาณไปในทิศทางเดียวกันแสดงว่าก็ยิ่งมีโอกาสสูงมากๆที่จะทำกำไรสูงสุดได้จากการเทรดครั้งนั้น

[ladyMP]

• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีจ้า ช่วงนี้เป็นวันที่ฟ้าและอากาศสดชื่นมาก หวังว่าทุกคนจะมีความสุขและประสบความสำเร็จในการทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ ในวันนี้ และสำหรับสายเทรดเรามาดูการหาจุดเข้า Forex จุดออก Forex ดีๆ ทำกำไรได้สูงสุด วิธีการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค(Technical analysis) กันว่าใช้เครื่องมืออะไรบ้าง สำหรับเพื่อการหาจุดเข้า Forex จุดออก Forex ดีๆทำกำไรได้สูงสุด


1. ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance Levels)
ทั้งคู่อย่างทำงานร่วมกันเพื่อบอกจุดที่ราคาจะขึ้นและลงสูงสุดต่ำสุดในแนวโน้มราคาในช่วงนั้นๆ

แนวรับ เป็นบริเวณที่รับราคาเอาไว้ไม่ให้ตก ซึ่งเป็นจุดที่บอกว่าราคาจะไม่เคลื่อนตัวลงต่ำไปมากกว่านี้ เพราะโดยมากราคาจะหยุดในจุดที่มีความต้องการซื้อ(demand) สูง ก่อนที่ราคาจะปรับสูงขึ้น ถ้าหากนึกไม่ออกนึกถึง “แทรมโพลีน” ที่ทำให้ราคาเด้งกลับไปสูงขึ้นได้อีกครั้ง แต่ว่าก็ใช่ว่าบริเวรแนวรับนั้นๆจะสามารถรับราคาเอาไว้ได้ตลอดหากในตอนนั้นมีแรงขายมากกว่าแรงซื้อ

แนวต้าน เป็นบริเวณที่ต้านราคาเอาไว้ไม่ให้ขึ้น ซึ่งเป็นจุดที่พูดว่าราคาจะไม่เคลื่อนตัวสูงไปกว่านี้ ราคาจะหยุดที่จุดที่มีความต้องการขาย(supply) สูง ก่อนที่ราคาจะกลับหัวลดต่ำลง เหมือนกับ “เพดาน” ที่บอกว่า คุณไปสูงได้เพียงแค่นี้นะ แต่ถ้าหากว่าในตอนนั้นมีแรงซื้อมากกว่าแรงขายก็อาจจะทำให้ราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านนั้นไปได้เช่นกัน

ดังนั้น แนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือสำคัญมากๆสำหรับในการเทรดรายวันหรือเทรดตามกระแสขึ้น-ลง ยิ่งถ้าหากคุณเป็นเทรดเดอร์ระยะสั้น(Short-term Trader) ยิ่งจะต้องรู้เรื่องเทคนิคนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่ามันสามารถทำกำไรได้มหาศาล แต่ว่าอย่างไรก็ตามเทรดเดอร์ควรจะสังเกตการเคลื่อนที่ของราคาให้ดีว่าราคา ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไร เนื่องจากแนวรับและแนวต้านนั้นอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะหยุดราคาเอาไว้ได้


2. กราฟราคา (Price Chart)
เป็นกราฟแกน Y (แนวนอน) ที่บอกประวัติราคาของทรัพย์สินนั้นๆกราฟราคาใช้เพื่อสังเกตุการณ์แนวโน้มของราคาเพื่อบอกแนวรับแนวต้านของแนวโน้มในตอนนั้น หน้าตาของกำราฟนี้ใช้สีเขียวเพื่อบอกราคาขาขึ้น แล้วก็สีแดงเพื่อบอกราคาขาลง ด้วยสีที่ชัดเจนก็สามารถวาดเส้นแนวโน้ว(Trendline) ได้ชัดเจนมากขึ้น

บางทีอาจจะไม่แม่นยำ 100% เพราะว่าไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังเช่นว่า ข่าวที่มีผลต่อราคาหุ้นของ Coca-Cola หรือที่เรารู้จักคือ โค้ก ดิ่งต่ำลงทันทีเมื่อ นักฟุตบอลชาวโปตุเกส Cristiano Ronaldo ขึ้นประกาศในงานฟุตบอล Euro 2020 เขาหยิบขวดโค้กสองขวดที่วางอยู่ออก รวมทั้งโชว์ขวดน้ำเปล่าพร้อมพูดว่า “agua” (น้ำ) และก็ยิ้มให้นักข่าว ข่าวที่ออกไปเช่นนี้ให้ หุ้นของ Coca-Cola ถูกเทขายทันที และสูญเสียมูลค่าไปถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ


3. อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค (Technical Indicator)
คือตัวบอกสัญญาณที่มีพื้นฐานจากคำนวณทางคณิตศาสตร์ด้วยราคา,ปริมาณ หรือดอกเบี้ย ฯลฯ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต อินดิเคเตอร์สามารถคาดเดาราคาในอนาคตได้ ทำให้จุดเข้า-จุดออกแม่นยำมากขึ้น อินดิเคเตอร์ทางเทคนิดนั้นมีอยู่หลากหลาย

แต่สามารถแบ่งการใช้งานเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ แบบซ้อนทับ(overlays) และ Oscillators และออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของราคาในระยะสั้นเป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะเป็นเทรเดอร์ระยะสั้นหรือยาวต่างก็ใช้อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคเพื่อบอกจุดเข้าและจุดออกอยู่เสมอ

ทั้งนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่มีอินดิเคเตอร์ตัวไหนบอกได้ 100% แต่ถ้าหากสังเกตุให้ดี ยิ่งอินดิเคเตอร์หลายๆตัวบอกสัญญาณไปในทิศทางเดียวกันแสดงว่าก็ยิ่งมีโอกาสสูงมากๆที่จะทำกำไรสูงสุดได้จากการเทรดครั้งนั้น