• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีจ้า อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เพื่อนๆ อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ เพราะช่วงนี้ฝนตกชุ่มฉ่ำทุกวัน อาจจะไม่สบายได้น้า และเพื่อนๆที่สนใจเทรด แต่ไม่รู้จะเลือกลงทุนอะไรดี การเทรด Forex เป็นการซื้อขายสกุลเงินเพื่อ ‘เก็งกำไร’ จากการขึ้นลงของค่าเงิน แต่ว่าหุ้นจะเป็นตราสารที่ออกให้โดยบริษัท การซื้อหุ้นจึงเปรียบเสมือนเรามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของธุรกิจ การได้กำไรหรือเงินปันผลจากหุ้นที่ซื้อจะขึ้นอยู่กับผลตอบแทนของของกิจการที่เราซื้อหุ้นนั่นเอง

       1. ปริมาณการซื้อขาย และสภาพคล่อง

　　ขนาดของตลาด Forex ที่แท้จริง Forex มีปริมาณการซื้อขายประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นของตลาดโลกที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน นับว่าขนาดต่างกันสุดๆจากปริมาณการซื้อขาย ทำให้ Forex มีสภาพคล่องสูงขึ้นยิ่งกว่า ทุนการค้าขายน้อยกว่า แถมยังเข้า-ออกตลาดได้ง่ายกว่า นับเป็นจุดเด่นสำคัญของ Forex

　　2. เวลาการซื้อขาย

　　Forex เป็นตลาดประเภท OTC (Over the Counter) หมายความว่ามันไม่ได้ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิม ซื้อขายผ่านตลาดระหว่างธนาคาร ทำธุรกรรมได้จากทั่วทุกมุมโลกในระหว่างเวลาทำการของแต่ละประเทศ โดยตลาด Forex เทรดได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน/5 วันต่อสัปดาห์ ในขณะตลาดหุ้นจะเปิดแค่ 4-8 ชั่วโมงต่อวันแล้วแต่ประเทศนั้นๆ

　　3. เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน？

　　การเทรด Forex เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การเทรดในระยะสั้นหรือปานกลางมากกว่าเนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง การดำเนินคำสั่งรวดเร็ว ขณะที่การซื้อขายหุ้นจะมีสภาพคล่องต่ำกว่า ทำให้การซื้อขายหุ้นจะเหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การลงทุนในระยะยาวมากกว่า

　　4. ทำกำไรยังไง？

　　การเทรด Forex สามารถเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและก็ขาลง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่การเทรดหุ้นจะสามารถทำกำไรได้ในกรณีที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างเดียว

　　5. โอกาสสำหรับในการขยายกำไร

　　ข้อที่น่าดึงดุดใจที่สุดของการเทรด Forex ก็คือการเทรดด้วยเลเวอเรจแล้วก็มาร์จิ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสขยายขอบเขตการทำกำไรได้ด้วยเงินทุนน้อย แต่ว่าการเทรดหุ้นที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเต็มจำนวนและไม่สามารถขยายกำไรได้ แต่ว่าการใช้เลเวอเรจก็มีข้อเสียด้วยเพราะเลเวอเรจเป็นดาบคมสองด้าน ในขณะที่สามารถขยายกำไรได้ก็สามารถขยายขาดทุนได้เช่นกันเมื่อคุณทำนายทิศทางกราฟผิด

　　6. สรุปว่าอันไหนเทรดยากกว่า

　　ตอบเลยตรงนี้ว่า ยากทั้งคู่ ใน Forex มีคู่เงินเพียงไม่กี่คู่ซึ่งสามารถโฟกัสได้ก็จริง แต่ว่าสำหรับในการเทรดคุณก็ต้องศึกษาแนวโน้ม วิเคราะห์สถานการณ์ วิเคราะห์กราฟให้ดี ในระหว่างที่หุ้นมีเป็นร้อยเป็นพันตัว ก็ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเยอะแยะไม่แพ้กัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็ต้องเลือกชอบทางไหน ลงทุนอะไรเหมาะกับตัวเองมากกว่า

[ladyMP]

• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีจ้า อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เพื่อนๆ อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ เพราะช่วงนี้ฝนตกชุ่มฉ่ำทุกวัน อาจจะไม่สบายได้น้า และเพื่อนๆที่สนใจเทรด แต่ไม่รู้จะเลือกลงทุนอะไรดี การเทรด Forex เป็นการซื้อขายสกุลเงินเพื่อ ‘เก็งกำไร’ จากการขึ้นลงของค่าเงิน แต่ว่าหุ้นจะเป็นตราสารที่ออกให้โดยบริษัท การซื้อหุ้นจึงเปรียบเสมือนเรามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของธุรกิจ การได้กำไรหรือเงินปันผลจากหุ้นที่ซื้อจะขึ้นอยู่กับผลตอบแทนของของกิจการที่เราซื้อหุ้นนั่นเอง

       1. ปริมาณการซื้อขาย และสภาพคล่อง

　　ขนาดของตลาด Forex ที่แท้จริง Forex มีปริมาณการซื้อขายประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นของตลาดโลกที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน นับว่าขนาดต่างกันสุดๆจากปริมาณการซื้อขาย ทำให้ Forex มีสภาพคล่องสูงขึ้นยิ่งกว่า ทุนการค้าขายน้อยกว่า แถมยังเข้า-ออกตลาดได้ง่ายกว่า นับเป็นจุดเด่นสำคัญของ Forex

　　2. เวลาการซื้อขาย

　　Forex เป็นตลาดประเภท OTC (Over the Counter) หมายความว่ามันไม่ได้ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิม ซื้อขายผ่านตลาดระหว่างธนาคาร ทำธุรกรรมได้จากทั่วทุกมุมโลกในระหว่างเวลาทำการของแต่ละประเทศ โดยตลาด Forex เทรดได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน/5 วันต่อสัปดาห์ ในขณะตลาดหุ้นจะเปิดแค่ 4-8 ชั่วโมงต่อวันแล้วแต่ประเทศนั้นๆ

　　3. เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน？

　　การเทรด Forex เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การเทรดในระยะสั้นหรือปานกลางมากกว่าเนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง การดำเนินคำสั่งรวดเร็ว ขณะที่การซื้อขายหุ้นจะมีสภาพคล่องต่ำกว่า ทำให้การซื้อขายหุ้นจะเหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การลงทุนในระยะยาวมากกว่า

　　4. ทำกำไรยังไง？

　　การเทรด Forex สามารถเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและก็ขาลง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่การเทรดหุ้นจะสามารถทำกำไรได้ในกรณีที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างเดียว

　　5. โอกาสสำหรับในการขยายกำไร

　　ข้อที่น่าดึงดุดใจที่สุดของการเทรด Forex ก็คือการเทรดด้วยเลเวอเรจแล้วก็มาร์จิ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสขยายขอบเขตการทำกำไรได้ด้วยเงินทุนน้อย แต่ว่าการเทรดหุ้นที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเต็มจำนวนและไม่สามารถขยายกำไรได้ แต่ว่าการใช้เลเวอเรจก็มีข้อเสียด้วยเพราะเลเวอเรจเป็นดาบคมสองด้าน ในขณะที่สามารถขยายกำไรได้ก็สามารถขยายขาดทุนได้เช่นกันเมื่อคุณทำนายทิศทางกราฟผิด

　　6. สรุปว่าอันไหนเทรดยากกว่า

　　ตอบเลยตรงนี้ว่า ยากทั้งคู่ ใน Forex มีคู่เงินเพียงไม่กี่คู่ซึ่งสามารถโฟกัสได้ก็จริง แต่ว่าสำหรับในการเทรดคุณก็ต้องศึกษาแนวโน้ม วิเคราะห์สถานการณ์ วิเคราะห์กราฟให้ดี ในระหว่างที่หุ้นมีเป็นร้อยเป็นพันตัว ก็ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเยอะแยะไม่แพ้กัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็ต้องเลือกชอบทางไหน ลงทุนอะไรเหมาะกับตัวเองมากกว่า