• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีจ้า ช่วงนี้หลีกเลี่ยงฝนกันแทบไม่ได้ เพราะตกหนักมากในช่วงก่อนเข้างานและหลังเลิกงาน สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องออกไปทำงาน อย่าลืมเตรียมพร้อมและดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ และวันนี้มาดู ความผันผวนในตลาด หรือที่เรียกกันว่า Votality ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยตลาด Forex ถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการซื้อขายมากที่สุดและมีความผันผวนสูง ทำให้เป็นที่ดึงดูดสำหรับเทรดเดอร์จากทั่วโลก แถมยังเปิดให้เทรดได้ 24 ชั่วโมงไม่มีปิดอีกด้วย

ความผันผวนในตลาด เป็นเครื่องมือในการวัดการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสกุลเงิน นอกจากนี้ ยังช่วยให้เข้าใจว่าค่าเงินเคลื่อนไหวถี่มากแค่ไหน เพื่อให้เพื่อนๆ เทรดเดอร์ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างเหมาะสม

แต่การที่เราจะเทรดในจังหวะที่ตลาดมี "ความผันผวนสูง" ก็หมายถึงความเสี่ยงที่สูงตามเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน ความผันผวนสูงก็ทำให้นักเทรดมีโอกาสใกล้กำไรมากขึ้น เนื่องจากราคาสกุลเงินจะมีความเคลื่อนไหวมาก ยิ่งเสี่ยงสูงก็ยิ่งกำไรนั่นเอง

ซึ่งทั่วไปแล้วความผันผวนในตลาด นั้นสามารถคาดการณ์ได้ยาก แต่ นักเทรดยังสามารถใช้เทคนิคบางอย่างที่ช่วยในการวัดความผันผวนได้ ซึ่งเป็นการคาดการณ์แบบพื้นฐานแต่มีความแม่นยำ

ในการหาความผันผวนของตลาด เราจำเป็นต้องแบ่งความผันผวนออกเป็นสองประเภทหลักๆ ได้ดังนี้

•   ความผันผวนของตลาด ในอดีต (Historical Volatility) ซึ่งหมายถึงความผันผวนที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดไปแล้วนั่นเอง โดยที่เราสามารถติดตามผลที่มีต่อตลาดในอดีตได้ จากการศึกษากราฟ ย้อนหลัง

•   สัญญาณความผันผวนของตลาด (Implied Volatility) ที่เป็นการคาดการณ์และวัดความผันผวนล่วงหน้าจากแรงซื้อขายในตลาด โดยเราจะติดตามจากดัชนี CBOE นั่นเอง

[rannie2020]

• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีจ้า ช่วงนี้หลีกเลี่ยงฝนกันแทบไม่ได้ เพราะตกหนักมากในช่วงก่อนเข้างานและหลังเลิกงาน สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องออกไปทำงาน อย่าลืมเตรียมพร้อมและดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ และวันนี้มาดู ความผันผวนในตลาด หรือที่เรียกกันว่า Votality ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยตลาด Forex ถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการซื้อขายมากที่สุดและมีความผันผวนสูง ทำให้เป็นที่ดึงดูดสำหรับเทรดเดอร์จากทั่วโลก แถมยังเปิดให้เทรดได้ 24 ชั่วโมงไม่มีปิดอีกด้วย

ความผันผวนในตลาด เป็นเครื่องมือในการวัดการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสกุลเงิน นอกจากนี้ ยังช่วยให้เข้าใจว่าค่าเงินเคลื่อนไหวถี่มากแค่ไหน เพื่อให้เพื่อนๆ เทรดเดอร์ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างเหมาะสม

แต่การที่เราจะเทรดในจังหวะที่ตลาดมี "ความผันผวนสูง" ก็หมายถึงความเสี่ยงที่สูงตามเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน ความผันผวนสูงก็ทำให้นักเทรดมีโอกาสใกล้กำไรมากขึ้น เนื่องจากราคาสกุลเงินจะมีความเคลื่อนไหวมาก ยิ่งเสี่ยงสูงก็ยิ่งกำไรนั่นเอง

ซึ่งทั่วไปแล้วความผันผวนในตลาด นั้นสามารถคาดการณ์ได้ยาก แต่ นักเทรดยังสามารถใช้เทคนิคบางอย่างที่ช่วยในการวัดความผันผวนได้ ซึ่งเป็นการคาดการณ์แบบพื้นฐานแต่มีความแม่นยำ

ในการหาความผันผวนของตลาด เราจำเป็นต้องแบ่งความผันผวนออกเป็นสองประเภทหลักๆ ได้ดังนี้

•   ความผันผวนของตลาด ในอดีต (Historical Volatility) ซึ่งหมายถึงความผันผวนที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดไปแล้วนั่นเอง โดยที่เราสามารถติดตามผลที่มีต่อตลาดในอดีตได้ จากการศึกษากราฟ ย้อนหลัง

•   สัญญาณความผันผวนของตลาด (Implied Volatility) ที่เป็นการคาดการณ์และวัดความผันผวนล่วงหน้าจากแรงซื้อขายในตลาด โดยเราจะติดตามจากดัชนี CBOE นั่นเอง