การ Set up hedge fund อย่างง่ายๆ

อ่าน 2334 ครั้ง

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

การ Set up hedge fund อย่างง่ายๆ
« เมื่อ: 31/ก.ค./2015 01:34:21 »
การ Set up hedge fund อย่างง่ายๆ

วันนี้วกเข้ามาเรื่องนี้ก่อนกลับสู่เนื้อหาหลักชั่วคราว เพราะมีเพื่อนๆที่ทำงาน Trader ในไทยหลายคนเมลล์มาถามว่าถ้าอยากจะตั้งเฮดจ์ฟันของตัวเองอย่างง่ายๆจะทำได้มั้ย

คำตอบคือ สามารถทำได้ครับ แต่คุณต้องไปตั้งที่ต่างประเทศ เพราะในไทยไม่มีกฎหมายรองรับในการจัดตั้งเฮดจ์ฟัน

การตั้งเฮดจ์ฟันนั้น ผมแนะนำว่าให้จ้าง Legal Counsel ที่เป็นที่ยอมรับในวงการด้วยจะดีกว่ามาก บางคนเน้นการตั้งเฮดจ์ฟันด้วย cost ถูกๆ แต่อย่าลืมว่าถ้าเราทำแบบนั้นเนี่ย เฮดจ์ฟันของเราจะไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรเลย กลับกลายเหมือนกองทุนแชร์ลูกโซ่ madoff เสียมากกว่า มาเริ่มกันด้วยแนวทางง่ายๆที่ผม จะแชร์ให้ฟังเผื่อเพื่อนๆคนไหนอยากจะตั้งเฮดจ์ฟันของตัวเองบ้างก็แล้วกัน

ขั้นแรก เงินทุน (เฮดจ์ฟันนั้นช่วงแรกหรือ start up นั้น เป็นช่วงที่ผู้จัดการกองทุนต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง โดยการนำเงินส่วนตัวของตัวเองมาเริ่มต้นในการทำ แล้วสร้าง track record ที่ดี แล้วทุกๆอย่างจะตามมาเอง)

การเริ่มต้นเฮดจ์ฟันนั้น อย่างน้อย Fund manager ควรจะต้องมีเงินทุนขั้นต่ำ 1 ล้าน $ แต่จริงๆแล้วเพื่อไม่ให้กองทุนดูแย่ในช่วงแรกหรือหลุดหลัก 1 ล้าน $ ผมแนะนำให้เริ่มที่ 2 ล้าน $ หรือ ประมาณ 66 ล้านบาท เพราะเราต้องกันส่วนหนึ่งไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการ จ่าย Admin รายเดือน, Audit รายไตรมาส ด้วย ซึ่งถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งในการดำเนินกิจการเฮดจ์ฟัน

ขั้นที่สอง จ้าง Legal Counsel

เมื่อผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันมีทุนเริ่มต้นแล้ว ผมแนะนำเลยเราควรจ้าง Legal ที่ดีและเป็นที่น่าเชื่อถือในระดับมาตรฐาน ที่เค้ายอมรับกัน อย่ากังวลเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้นเล็กน้อย เพราะนั่นหมายถึงความน่าเชื่อถือของกองทุนด้วย สำหรับผู้จัดการกองทุนที่ไม่อยากปวดหัวกับขบวนการอันยุ่งยากและอยากให้ได้มาตรฐานด้วยแล้วนั้น ผมแนะนำว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลเรื่องพวกนี้แทนดีกว่า เพื่อที่เราจะได้เอาเวลาไป focus เฉพาะกลยุทธ์อย่างเดียวก็พอ

ส่วนตัวผมนั้นจ้าง Maples and calder เพราะมี โปรโมชั่นเหมาจ่าย แบบไม่ต้องปวดหัว ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดำเนินการได้เลย ด้วยเงิน 20,000 $ แล้วเรายังได้รับคำแนะนำในการหา admin และ audit ให้กองทุนเราฟรีเพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้นจุดเริ่มต้นที่ดีผมแนะนำให้ จ้าง Legal ที่มีประสบการณ์ตรงกับเฮดจ์ฟันมานานแบบนี้จะดีกว่ามากๆ (ไม่ได้โฆษณา ให้เค้าเน้อ จริงๆมีอีกหลายที่ เช่น ถ้าใครอยากจะไปตั้งที่ Cayman Island ก็ลองดูตัวเลือก เช่น Solomon harris ก็ได้ครับ เพราะเป็นสมาชิกของ Aima (Alternative Investment Management Association) ด้วย)

ขั้นที่สาม จ้าง Admin กับ Audit เพื่อช่วยในการดูแลพวก บัญชีของกองทุน และตรวจสอบรับความถูกต้อง ซึ่งก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กองทุนเราไปอีก จริงๆในขั้นตอนนี้ ขอคำปรึกษาจาก Legal ได้เลยครับ มีที่เด็ดๆให้เราเลือกเยอะเลย ซึ่งค่าใช้จ่ายของกองทุนเราในการจ้างพวกนี้จะขึ้นอยุ่กับขนาดของกองทุนเรา พูดง่ายๆคือ กองทุนยิ่งใหญ่ก็ยิ่งจ่ายมากขึ้นว่างั้น โดยมาก rate จะอยุ่ราวๆ 1000 -5000 $ ต่อเดือน สำหรับกองทุนขนาดไม่เกิน 50 ล้าน $ ครับ

ส่วนขั้นต่อๆมา คือ Prime broker และ custodian นั้น ทุกๆอย่างจะหาได้ง่ายครับถ้าเราตัดสินใจขั้นที่สองเลือก legal ที่ดีไปแล้ว ขอคำแนะนำจากเค้าอย่างเดียวเลย จะได้ไม่ต้องปวดหัวคิดไรให้มากเอาเวลาพวกนั้นมาวางกลยุทธ์กับเทรดให้ดี (ส่วนถ้าจะให้ผมแนะนำแล้ว prime broker นั้นแนะนำของ newedge เลยครับ www.newedge.com )

สุดท้ายนี้คำแนะนำของผมอาจจะไม่เหมือนคนอื่นๆนัก เพราะเนื่องจากอยุ่ในวงการเฮดจ์ฟันมาหลายปี คิดว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในเรื่องจิปาถะพวกนี้จะดีกว่ามาก ไม่ต้องทำให้เราเสียเวลาทีหลังอีกด้วยครับ สรุปคือ จ้าง Legal ที่เชี่ยวชาญในวงการนี้ไปเลย ยอมจ่ายหน่อย แต่ไม่มีเรื่องให้ต้องมาวุ่นวายทีหลัง และ ทุกๆ step เป็นไปอย่างง่ายดาย

ท้ายนี้ขอให้เพื่อนๆ Trader ทั้งหลายที่คิดจะทำกองทุนของตัวเอง ทำ Performance ให้ดีนะครับ (ประมาณ 3-5 ปี ในการสร้าง Track Record) เพื่อที่แมวมอง หรือ Hedge fund ประเภท funds of hedge fund อาจจะมาสนใจ เมื่อนั้นล่ะก็ แสดงความยินดีด้วยครับ มีโอกาสที่กองทุนของเพื่อนๆจะก้าวเข้าสู่การได้บริหารเงินหลักร้อยล้าน $Us ได้ง่ายๆ เพราะพวกนี้เวลาสนใจเราแล้วมักพาพวก private bank ตามมาด้วยอีกเป็นพรวน

ปล. สำหรับเรื่อง office นั้น ผมคิดว่าถ้าโมเดลเราดีจริง ในช่วง start up 3-5 ปีแรก จากเงินเริ่มต้นของเรา จนเป็นที่รู้จักแล้ว ก็จะมีกำไรพอสมควร ตอนนั้นค่อยหาทำเลตั้ง office ในต่างประเทศเพื่อ พบปะพูดคุยกับคนจากกองทุนอื่นๆ หรือ private bank ก็ได้ครับ

** หมายเหตุนิดหนึ่งนะครับ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันหน้าใหม่บางคนอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ในการเปิดรับเงิน หากจำเป็นต้องรับเงินจากบุคคลมาเป็นนักลงทุนด้วยแล้วนอกจากสถาบันการเงินอื่นๆ ผมแนะนำว่าถ้าจะรับเงินจากคนภายนอกนั้น ต้องรับเฉพาะจากบุคคลที่มีเงินมากมายเพียงพอแล้วสำหรับเค้า(หรือเป็นอิสระภาพทางการเงินแล้วเท่านั้นนะครับ) เพื่อไม่ให้มีปัญหาทั้งทางเค้าและเรา ภายในอนาคตครับ การที่เฮดจ์ฟันเลือกรับเฉพาะผู้ที่มีเงินมากอยุ่แล้วไม่ใช่เพราะหยิ่งนะครับ เพียงแต่คนที่มีเงินมากอยุ๋แล้วนั้นจะทำให้เราง่ายในการนำเงินเหล่านั้นไปใช้ในกลยุทธ์อย่างแท้จริง ไม่ต้องมีห่วงแก่เรามากนัก และง่ายกันที่จะคุยว่าเราต้องทำอะไรกับเงินเหล่านั้นบ้าง หรือไม่ถ้ากลัวมีปัญหาเรื่องเงินก็จัดทำเป็นรูปแบบ holding share fund ก็ได้ครับ โดยการกำหนดจำนวนปีในการ lock up เงินที่แน่นอนในการ ถอนเงินทุนออก เป็นต้น แต่สำหรับกองทุนผมเองแล้วเป็น close fund เพราะไม่อยากมีปัญหาเรื่องเงินกับใครเลยในอนาคต ลุยด้วยทุนของเราเองเนี่ยหล่ะดีที่สุดแล้ว ยกเว้นกรณีสถาบันสนใจนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง **

คราวหน้าก็จะว่ากันต่อ Hedge Fund School Part 3 ว่าด้วย market model กันต่อดีกว่า อิอิ :)


(เมื่อเราเป็นเจ้าของเฮดจ์ฟันของเราเองแล้ว เราสามารถที่จะ monitor asset product ทั่วโลกได้อย่างง่ายดายจากโตะเล็กๆส่วนตัวที่บ้าน เพราะธุรกิจนี้สำคัญที่กลยุทธ์มากกว่าจำนวนคน เพราะหากกลยุทธ์เราก้าวหน้าไปกว่าเฮดจ์ฟันอื่นหรือ คนอื่นๆมากเนี่ย ย่อมต้องพยามเก็บรักษาความลับทางวิชาความรุ้อันนี้เอาไว้ให้ดี เปรียบเสมือนความลับทางการค้าเป็นต้น บางกองทุนที่ผมเจอๆมามีแค่ fund manager คนเดียว แต่บริหารเงินหลายร้อยล้าน $ ก็มี บางกองทุนมีแค่ 3-4 คนบริหารหลักพันล้าน $ก็มี )


โค๊ด: [Select]
http://mudleygroup.blogspot.com/2010/02/set-up-hedge-fund.html
  • Lolox101

  • ****
  • สถานะ: ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 0 | กระทู้ 250
  • เพศ: ไม่ระบุ
วิธีเปิดบัญชี forex exness อย่างละเอียด 2024 ทีละขั้นตอน | วิธีสมัคร Forex Update 2567



ความคิดเห็นที่ 1
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01/ส.ค./2015 12:07:59 »
ขอบคุณมากๆครับ สําหรับความรู้
  • koka2015

  • ****
  • สถานะ: ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 0 | กระทู้ 250
  • เพศ: ไม่ระบุ
 

SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums